รุ่นไหนดี 7 อันดับ กล้อง 360 องศา รุ่นไหนดี ที่นิยม คลิกเลย อัพเดทล่าสุดปี 2567

เมื่อคุณค้นหาสิ่งของบางอย่างที่ร้านค้าออนไลน์ คุณจะพบว่าคุณจะได้เจอสินค้าที่คุณมองหาอย่างง่ายดาย สัมผัสประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และไว้ใจได้ ผ่านโมบาย แอปพลิเคชั่น ดีๆที่เราแนะนำ
ราคาพิเศษมาแนะนำลูกค้าที่น่ารัก ราคาถูกมาก เราแนะนำเลยเจ้านี้ กล้อง 360 องศา  สินค้าออนไลน์  ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา สั่ง กล้อง 360 องศา  ไป ราคาถุกจริงๆ สินค้าใส่ซองกันกระแทกมาตอนจัดส่งให้ด้วย ส่งเร็วทันใจ คุณภาพเยี่ยมพอดีเห็น ราคาน่าจะลดลง เลยจัดไป ได้รับสินค้าเรียบร้อย ส่งทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ทางหน่วยจัดส่ง คุณภาพเกินราคา ตอนนี้ลองใช้มาซักพักใช้ได้ดี ไม่พบปัยหาเลยกับทางร้านค้า

     
หากคุณกำลังมองหากล้อง 360 องศาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลาย เราขอแนะนำให้รู้จักกับนวัตกรรมกล้อง 360 องศาชั้นเลิศจากแบรนด์ผู้ผลิตที่คร่ำวอดอยู่ในวงการ โดยแต่ละชนิดมีทั้งแบบ กล้อง 360 องศา ซึ่งวันนี้ทางเราจึงจัดอันดับ แนะนำ กล้อง 360 องศา ที่ตอบโจทย์กับตัวคุณมาให้เลือกกันแล้วดังนี้

กล้อง 360 องศา ไอเทมใหม่สำหรับคนรักการถ่ายรูปและวิดีโอที่ทำให้คุณสามารถเก็บภาพบรรยากาศได้ 360 องศาเลยทีเดียว เรียกได้ว่าเปิดมิติใหม่แห่งการถ่ายภาพเลยค่ะ กล้องชนิดนี้มีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับกล้องถ่ายรูปทั่วไปจึงเป็นที่นิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แบรนด์ต่าง ๆ เลยพากันพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเพื่อเอาใจคนชอบกล้อง ซึ่งคำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัย คือ “รุ่นไหนดี” แต่เราไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้เลยค่ะ ถ้าไม่รู้จัก “วิธีการเลือก” เสียก่อน ในวันนี้ผู้เขียนจึงรวบรวมมาให้อ่านกัน

เมื่อรู้แล้วว่ากล้อง 360 องศาลักษณะใดเหมาะกับความต้องการของตัวเอง คราวนี้ก็ถึงเวลาของพระเอกของเราอย่าง “7 อันดับสินค้ายอดฮิตขายดี” ที่ผ่านการเปรียบเทียบคุณสมบัติต่าง ๆ รวมไปถึงรีวิว ซึ่งแต่ละหัวข้อจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ
แม้ว่ากล้อง 360 องศาจะเพิ่งมาฮิตในช่วงนี้ แต่จริง ๆ แล้วมีขายมานานแล้วค่ะ สาเหตุที่หลายคนไม่ค่อยทราบกันเพราะแต่เดิมไม่ได้ถูกพัฒนามาสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่เพื่อการใช้งานที่ค่อนข้างเฉพาะทางหรือเป็นแบบธุรกิจเท่านั้น จึงใช้งานยากและมีราคาแพง
อย่างไรก็ตามปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ให้เหมาะกับการใช้งานของคนทั่วไปมากขึ้น ทำให้เพื่อน ๆ สามารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น โดยจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ตามไปอ่านกันเลยค่ะ
แม้ว่ากล้อง 360 องศาทุกตัวจะสามารถบันทึกภาพได้แบบ 360 องศาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่แต่ละรุ่นมีขอบเขตการเก็บภาพไม่เท่ากันค่ะ ขึ้นอยู่กับรูปทรงของกล้องที่แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ “แบบทรงกลมเต็มใบ” และ “แบบครึ่งทรงกลม” ซึ่งมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป โดยแต่ละแบบเหมาะสมกับการใช้งานอย่างไร ผู้เขียนได้อธิบายอย่างละเอียดที่ด้านล่างนี้เรียบร้อยแล้วค่ะ
เลนส์กล้องประเภทนี้จะประกอบไปด้วยเลนส์ที่เก็บภาพได้ในมุมกว้าง 180 องศาอย่างเลนส์ Fisheye จำนวน 2 เลนส์ ทำให้สามารถเก็บภาพได้ 360 องศาทั้งบนล่าง-ซ้ายขวาในคราวเดียว ไร้ขอบเขตของกล้องมากวนใจ แต่มีข้อจำกัดคือ Stitch (การนำภาพที่ถ่ายได้แต่ละองศามาเรียงต่อกันเป็นภาพใหญ่) ภาพของค่อนยาก
กลไกการทำงานอย่างละเอียดของประเภทนี้ คือ เลนส์กล้องจะบันทึกภาพ 2 มุม จากนั้นจึงนำมา Stitch แต่รูปที่ได้อาจจะไม่เป็นธรรมชาติเท่าไรนัก ถ้าใครเน้นคุณภาพเป็นพิเศษ แนะนำให้ทำในคอมพิวเตอร์โดยอาศัยซอฟแวร์จะดีกว่าแม้ว่าจะต้องเสียเงินซื้อก็ตาม อย่างไรก็ตามด้วยความที่กล้องชนิดนี้ใช้งานง่ายไม่ต้องอาศัยทักษะการถ่ายรูปมาก จึงเหมาะกับมือใหม่หัดถ่ายนั่นเองค่ะ
กล่องประเภทนี้จะประกอบไปด้วยเลนส์มุมกว้างเพียงเลนส์เดียวเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถถ่ายภาพได้ 360 องศาทั้งแนวนอนและแนวตั้งในครั้งเดียว ถ้าอยากได้ภาพหรือวิดีโอที่แสดงมุมรอบด้านจะต้อง Stitch ไฟล์ภาพหรือวิดีโอทั้งสองนั้นในคอมพิวเตอร์เองค่ะ
หลายคนที่ทำความรู้จักประเภทนี้เป็นครั้งแรกคงรู้สึกว่าขั้นตอนการใช้นั้นทั้งใช้เวลาเยอะและยุ่งยาก แถมยังต้องมีคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์สำหรับตัดต่ออีก แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ Stitch ได้จากกล้องแบบแรก ประเภทนี้ถือว่าสวยงามกว่าค่ะ เรียกว่าคุ้มค่ากับการเสียเวลาและการใช้งานที่ยุ่งยากเลยทีเดียว ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่เน้นคุณภาพมากเป็นพิเศษหรือเป็นช่างภาพมืออาชีพนั่นเอง
กล้อง 360 องศาถือเป็นกล้องดิจิทัลประเภทหนึ่ง คุณสมบัติการทำงานต่าง ๆ จึงเหมือนกัน ก่อนการซื้อจึงควรคำนึงถึง “ความละเอียดของภาพ” และ “ความจุ” โดยเราควรจะเลือกอย่างไร ผู้เขียนได้สรุปให้อ่านง่าย ๆ ที่ด้านล่างนี้แล้วค่ะ
ปกติแล้วเวลาเลือกซื้อกล้องทั่วไป ถ้ารุ่นนั้น ๆ มีความละเอียดมากเท่าไร นั่นหมายความว่าภาพที่ออกมาจะสมจริงและมีคุณภาพสูงใช่ไหมคะ เช่นเดียวกับกล้อง 360 แต่ยิ่งความละเอียดภาพมากเท่าไร ไฟล์ภาพก็จะใหญ่มากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้ต้องใช้พื้นที่ในหน่วยความจำมากขึ้น คุณจึงต้องใช้ microSD Card ที่มีความจุเยอะ ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้กล้องที่มีความละเอียดสูงยังมีแนวโน้มที่จะประมวลผลได้ช้ากว่าเพราะใช้พลังงานเยอะ ส่งผลให้กล้องเกิดความร้อนได้ง่ายเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง จึงไม่เหมาะกับการถ่ายภาพทีละนาน ๆ ดังนั้นถ้าใครอยากประหยัดงบ เน้นปริมาณรูปมากกว่าคุณภาพ ลองลดความละเอียดภาพที่ต้องการดูนะคะ
ถ้าใครเคยเจอปัญหาเวลาถ่ายรูปแล้วกล้องหรือสมาร์ทโฟนแจ้งเตือนว่าความจำไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมานั่งไล่ลบรูปที่ไม่จำเป็นทิ้งเพื่อขยายพื้นที่เก็บล่ะก็ แนะนำให้คุณเช็คคุณสมบัตินี้ให้ดีก่อนจะซื้อเลยค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท แบบแรกคือ “microSD card” (ต้องซื้อแยก) ส่วนแบบที่สองคือ “หน่วยความจำแบบฝัง” จะมีอยู่ในตัวเครื่องอยู่แล้ว แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้

  • แบบ microSD card : เมื่อความจำเต็ม สามารถซื้อเปลี่ยนใหม่ได้ตลอด อย่างไรก็ตามต้องเช็คด้วยว่าการ์ดรุ่นนั้น ๆ สามารถทำงานร่วมกับกล้องได้หรือเปล่า

  • แบบฝัง : คุณสามารถใช้งานกล้องได้ทันที แตกต่างจากแบบแรกที่ต้องซื้อการ์ดมาใส่เสียก่อนถึงจะถ่ายได้ แต่ข้อจำกัด คือ เมื่อความจำเต็มขึ้นมาคุณจะต้องย้ายไฟล์ภาพจากกล้องลงเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถใช้งานกล้องต่อไปได้

ส่วนใหญ่แล้วเราจะพกกล้อง 360 องศาเวลาไปเที่ยวกันใช่ไหมคะ เช่น ทะเล น้ำตก ภูเขา หรือแม้แต่สวนสนุก กล้องจึงควรมีคุณสมบัติกันฝุ่น, กันน้ำ และรับแรงกระแทกได้สูง นอกจากนี้ยังควรมีแพ็กเกจที่ง่ายต่อการพกพาและจับถนัดมือ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวกทันใจในทุกสภาพแวดล้อม
กล้อง 360 องศามักจะถูกพัฒนาโดยบริษัทที่ผลิตกล้อง Action camera แต่ละรุ่นจึงถูกออกแบบมาให้เข้ากับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย หรืออย่างน้อยที่สุดทุกรุ่นจะมีฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่างป้องกันฝุ่นหรือน้ำในระดับหนึ่งอยู่แล้วค่ะ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่ากล้องทุกรุ่นจากทุกแบรนด์จะมีคุณสมบัตินี้นะคะ ควรเช็คดี ๆ ก่อนซื้อจะดีกว่า
ด้วยความที่กล้อง 360 องศานี้ไม่ใช่อุปกรณ์ที่มีจุดประสงค์ในการเก็บหรือแสดงผลภาพเป็นหลัก เพื่อน ๆ จึงควรเช็คคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ด้วยเพื่อการถ่ายโอนข้อมูลที่สะดวกกว่า
กล้องประเภทนี้โดยส่วนใหญ่แล้วสามารถถูกกดชัตเตอร์ได้ด้วย 2 วิธี คือ “กดที่ตัวเครื่อง” หรือ “สั่งการจากสมาร์ทโฟน” แต่เนื่องจากมีหลายเคสที่ผู้ใช้ต้องการถ่ายภาพขณะที่ตัวเองอยู่ห่างจากกล้องหรือขณะที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ เช่น การติดตั้งกล้องบนหมวกกันน็อค ทำให้การกดถ่ายภาพจากตัวเครื่องและการเช็คภาพจากกล้องเป็นเรื่องยาก ฟังก์ชั่นที่รองรับการถ่ายลักษณะนี้ได้อย่างเช่นฟังก์ชันเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนจึงเป็นสิ่งสำคัญนั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ยังมีหลายรุ่นที่มีแอปพลิเคชัน Stitch ภาพบนสมาร์ทโฟนได้ อย่างไรก็ตามควรเช็คก่อนด้วยนะคะว่ารองรับ OS (เช่น iOS, Android) ที่คุณใช้อยู่หรือเปล่า เพราะบางรุ่นรองรับ OS แค่บางระบบหรือบางเวอร์ชั่นเท่านั้น
เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว สิ่งแรกที่เราทุกคนมักจะทำกันคืออะไรเอ่ย ส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า “โพสต์ลงโซเชียล” ใช่ไหมคะ เพราะอยากแชร์ให้ทุกคนที่เป็นเพื่อนของเราหรือคนที่ติดตามเราอยู่ได้เห็นว่าตอนนั้นเรากำลังทำอะไรอยู่ และอยู่กับใคร ดังนั้นหนึ่งในฟังก์ชั่นพื้นฐานที่กล้อง 360 องศาควรมีคือ “การแชร์ลงสื่อโซเชียล” เช่น เฟสบุ๊ก ยูทูป หรืออินสตาแกรม ผ่านการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ชาวโซเชียลจึงอย่าลืมเช็คคุณสมบัตินี้ด้วยนะจ๊ะ
กล้อง 360 องศามีหลายเรทหลายราคาเลยค่ะ เริ่มต้นตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่นเลยก็มี ขึ้นอยู่ซอฟแวร์และวัสดุของแต่ละรุ่น ทำให้มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพแตกต่างกันออกไป โดยยิ่งราคาสูง คุณภาพก็ยิ่งดีขึ้น
อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับควาต้องการและงบของแต่ละคนด้วยนะคะ ถ้าเน้นถ่ายรูปสนุก ๆ กับเพื่อน ไม่ได้ซีเรียสคุณภาพอะไร หลักพันต้น ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการรุ่นที่มีความสามารถมากกว่านั้น แนะนำให้เลือกซื้อรุ่นที่มีราคาตั้งแต่ 5,000 ขึ้นไป จะดีกว่า เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนั้นจะบอกว่ารุ่นราคาแพงดีกว่าราคาถูกก็ไม่เสมอไป ต้องดูลักษณะการใช้งานของคุณด้วย เพราะถ้าซื้อตัวท็อปมาเพื่อถ่ายเล่นหรือแค่ช่วงที่กำลังฮิต สุดท้ายจะกลายเป็นเสียเงินเปล่าเอานะคะ
แม้ว่าผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจะดูมีวิธีการเลือกที่ยุ่งยากและซับซ้อน แต่ผู้เขียนเชื่อว่าไม่ยากเกินกำลังของเพื่อน ๆ ซึ่งตอนนี้หลายคนคงรู้แล้วว่ากล้องที่ตัวเองตามหาควรมีลักษณะอย่างไร ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปอ่านข้อมูลของสินค้าที่น่าสนใจกันเลยดีกว่าค่ะ
เห็นหน้าตาอย่างนี้อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นพัดลมมือถือนะคะ น้องเขาคือกล้องถ่ายรูป 360 องศา สามารถถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ด้วยความละเอียดสูง พร้อมถ่ายทอดสดให้เพื่อน ๆ หรือครอบครัวของคุณได้แบบเรียลไทม์ และยังปรับเปลี่ยนมุมมองการถ่ายรูปได้หลากหลายอย่าง ซึ่งหลายคนที่ซื้อไปต่างบอกว่าใช้งานง่ายและภาพมีคุณภาพสูง แต่บอดี้ค่อนข้างลื่นนะคะ เวลาใช้ต้องระมัดระวังนิดนึง
อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจและที่สำคัญมีราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับสินค้าจากผู้ผลิตรายใหญ่อื่น ๆ ทำงานด้วยเลนส์ Dual wide-angle หรือเลนส์ Fisheye 2 ตัว พร้อมเชื่อมกับแอปพลิเคชัน YouTube และ the Google StreetView ได้ทันที โดยคนที่ใช้จริงรีวิวไว้ว่าใช้งานง่าย คุณภาพดีประมาณหนึ่งแต่ไม่ถึงกับคมชัดมาก เหมาะกับมือสมัครเล่นมากกว่าระดับมืออาชีพ
Ricoh เป็นผู้ผลิตเครื่องใช้สำนักงานสัญชาติญี่ปุ่นที่ตีตลาดทั่วโลกและเอาจริงเอาจังกับการผลิตกล้อง 360 แต่เห็นราคาแล้วอย่าเพิ่งตกใจค่ะ เขามาพร้อมสเปกระดับพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยเซ็นเซอร์ CMOS และชัตเตอร์ทำงานไวสูงสุด 1/6400 วินาทีทำให้ถ่ายภาพออกมาคมชัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เน้นเก็บภาพถ่ายมากกว่าวิดีโอ มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงาม จับถนัดมือ ลูกค้าที่ซื้อไปล้วนบอกว่าใช้งานง่าย มือใหม่ก็ใช้ได้สบาย ๆ เลยค่ะ
จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ขนาดกะทัดรัด สามารถเสียบเข้ากับสมาร์ทโฟนโดยไม่เทอะทะและใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตฯเข้า มาพร้อมกับเลนส์ Wide-angle ที่มีความละเอียดสูง ทำให้ได้ภาพที่สมจริงในระดับหนึ่ง และยังสามารถปรับเปลี่ยนมุมมองได้หลากหลาย นอกจากนี้ยังแชร์ลงโซเชียลได้อย่างง่ายดายอีกด้วย หลายคนชื่นชอบโดยเฉพาะมือใหม่หัดถ่าย
ถึงจะราคาสูงไปสักหน่อย แต่กล้องรุ่นนี้เขาโดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นที่ให้มาไม่อั้น เช่น ลดการสั่นขณะมีการเคลื่อนไหว, โหมด Slow motion, ฟังก์ชั่น HDR ช่วยปรับโทนสีของภาพและลบไม้เซลฟี่ออกจากภาพ ที่สำคัญมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาดเล็กที่หาได้ยากในกล้องยี่ห้ออื่น ช่วยให้ใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อบวกกับดีไซน์ที่ใช้งานง่ายด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หลายคนตกหลุมรัก
ผู้นำเทคโนโลยีอย่าง Mi ก็ไม่พลาดพัฒนากล้อง 360 ออกมาให้ล่อตาล่อใจผู้บริโภค ซึ่งรุ่นนี้มีเลนส์ wide-angle fish eye เป็นส่วนประกอบ พร้อมเซ็นเซอร์ SONY IMX20 ช่วยควบคุมคุณภาพ และระบบป้องกันภาพสั่นไหว ที่สำคัญกันน้ำกันฝุ่นได้ในระดับ IP67 นอกจากนี้ยังมีดีไซน์สุดทันสมัยและน้ำหนักเบา ช่วยให้พกพาสะดวก เรียกได้ว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ

ปิดท้ายกันด้วยอันดับที่ 1 ของเรา รุ่นนี้โดดเด่นด้วยคุณสมบัติป้องกันน้ำ, ฝุ่น, อุณหภูมิติดลบและการกระแทกได้ในระดับหนึ่ง พร้อมแชร์ลง YouTube หรือ Facebook ได้อย่างง่ายดาย และสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนง่าย ๆ เพียงแค่โหลดแอปพลิเคชันของกล้อง นอกจากนี้ยังมีเคสพลาสติกช่วยปกป้องในแต่ละสภาวะต่าง ๆ อีกด้วย หลายคนที่ใช้จริงต่างบอกว่ามีคุณภาพสูง ใช้งานง่าย ลูกเล่นเยอะ เหมาะกับเหล่าคนรักกล้องที่ต้องการสนุกกับการสร้างสรรค์ผลงานแปลกใหม่

จบไปแล้วกับบทความในวันนี้ เป็นอย่างไรกันบ้างคะ หวังว่าเพื่อน ๆ จะมองว่าการเลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยเฉพาะกล้อง 360 องศาที่แม้จะมีกลไกการทำงานที่ซับซ้อนและหลายอย่างที่ต้องคำนึง แต่เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา ก็คุ้มค่าที่จะใส่ใจนะคะ
เมื่อมีกล้องดี ๆ สักตัวไปแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่อย่าลืมละเลยกันคือการเก็บรักษา ควรใส่ในกระเป๋ากล้องหรือกล่องมิดชิดอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ยิ่งถ้ารุ่นราคาแพงด้วยแล้วยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษเลยค่ะ สุดท้ายนี้ถ้าใครเห็นว่าบทความนี้ประโยชน์ เพื่อน ๆ น่าจะอ่านกัน อย่าลืมแชร์ลงบนสื่อโซเชียลนะคะ